อาหารหวาน 10 ชนิด: ความหวานที่ทุกคนต้องลอง

หากคุณเป็นคนรักความหวานเหมือนกัน คุณต้องรู้จักอาหารหวานในประเทศไทยที่น่าลิ้มลอง ในบทความนี้ เราจะพาคุณสู่โลกของความหวานที่อร่อยและน่าตื่นตาตื่นใจ โดยเน้นไปที่ 10 ชนิดของอาหารหวานที่ควรลองกันอย่างแน่นอน ไม่ว่าคุณจะเป็นคนไทยหรือคนต่างชาติ อาหารหวานที่มีในประเทศไทยสามารถทำให้ใจคุณเต้นเร็วขึ้นแน่นอน!

ข้าวเหนียวมะม่วง

ข้าวเหนียวมะม่วง เป็นของหวานแบบจัดเต็มที่มีชื่อเสียงทั่วโลก นี่คือวิธีทำข้าวเหนียวมะม่วง:

ส่วนประกอบหลัก:

  • ข้าวเหนียว (โหน่ง) 200 กรัม
  • มะม่วงสุก (ขนาดกลาง) 1 ลูก
  • น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วย
  • น้ำมะพร้าว 1 1/2 ถ้วย
  • เกลือ 1/4 ช้อนชา

ขั้นตอนทำ:

  1. ล้างข้าวเหนียวให้สะอาดและแช่น้ำให้เปียกพอสมควรประมาณ 3-4 ชั่วโมง หรือค้างๆไว้เช่นกัน.
  2. นำมะม่วงมาผ่าเปิดและหั่นเป็นแท่งยาวบาง ๆ หรือเป็นชิ้นตามความชอบ.
  3. นำข้าวเหนียวที่แช่น้ำแล้วนำมากว้นน้ำ และนำไปนึ่งโดยใช้หุงข้าวหรือหุงนึ่งสำหรับข้าวเหนียว ประมาณ 20-25 นาที หรือจนข้าวสุก.
  4. ในระหว่างนี้ รับมือกับมะม่วงโดยการผสมมะม่วงกับน้ำตาลทรายและเกลือ คนให้เข้ากันแล้วประมาณไว้.
  5. เมื่อข้าวเหนียวสุกและมีความหนึบ รับมือกับมะม่วงและน้ำมะพร้าว ครอบครองข้าวเหนียวด้วยน้ำมะพร้าว ให้เต็มที่และให้ข้าวเหนียวเคลือบดี.
  6. รับมือกับข้าวเหนียวมะม่วงโดยการเสิร์ฟในจาน โดยควบคุมความหวานของน้ำตาลทรายและมะม่วงตามความชอบ เพิ่มน้ำมะพร้าวอีกนิดหนึ่งด้วย.
  7. ใส่ชิ้นมะม่วงที่หั่นไว้เหนือข้าวเหนียว และครอบด้วยน้ำมะพร้าว.
  8. เสริฟ์ข้าวเหนียวมะม่วงทันที และความอร่อยของขนมไทยแบบดั้งเดิมก็พร้อมสำหรับการสนุก!
See also  กินคีโต: ศาสตร์และประโยชน์ของอาหารคีโตเพื่อสุขภาพดี

ขนมถ้วย

10 ขนมหวานไทยยอดนิยม [ทำง่ายๆ ได้ที่บ้าน] - Agarmermaid

ขนมถ้วย เป็นขนมไทยแบบดั้งเดิมที่ทำจากแป้งข้าวเจ้า นี่คือวิธีทำขนมถ้วย:

ส่วนประกอบหลัก:

  • แป้งข้าวเจ้า 100 กรัม
  • น้ำเปล่า 1 ถ้วย
  • น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
  • น้ำมะพร้าว 1/2 ถ้วย
  • น้ำเชื่อมหรือสีผสมอาหารตามชอบ

ขั้นตอนทำ:

  1. ผสมแป้งข้าวเจ้ากับน้ำเปล่าให้เข้ากันจนไม่มีก้อนและได้แป้งละเอียด.
  2. ตั้งหม้อน้ำให้เดือด และเตรียมถ้วยไว้โดยหากในถ้วยใหญ่ ให้ครึ่งกระติบกับหรือใส่ในถ้วยเล็กกว่า.
  3. เทน้ำมะพร้าวลงในแป้งข้าวเจ้า คนให้เข้ากัน.
  4. ตั้งหม้อน้ำให้เดือด และนำน้ำแป้งไปเทในถ้วยที่เตรียมไว้ ปิดบังจนเหมือนถ้วยทั่ว.
  5. นำถ้วยที่ปิดบังมานึ่งด้วยน้ำไอน้ำควันจนน้ำมันที่เตรียมไว้ติดไม่ลงถึงพื้นของถ้วย ประมาณ 20 นาที.
  6. นำถ้วยออกมาให้เย็นลงและเปิดบัง ขนมถ้วยก็พร้อมที่จะรับประทาน.

ขนมถ้วยเป็นขนมไทยแบบดั้งเดิมที่มีรสชาติหวานนุ่ม ๆ และรสเนื้อข้าวเจ้า มักจะรับประทานร่วมกับน้ำเชื่อมหรือสีผสมอาหารตามความชอบของคุณ!

ไอศกรีมทองหยิบ

ไอศกรีมทองหยิบ เป็นของหวานสุดฤทธิ์ที่นิยมทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ นี่คือวิธีทำไอศกรีมทองหยิบ:

ส่วนประกอบหลัก:

  • นมข้นหวาน 1 ถ้วย
  • นมสด 1 ถ้วย
  • ไข่แดง 4 ฟอง
  • น้ำตาลทราย 3/4 ถ้วย
  • ผงอัลมอนด์ 1/2 ช้อนชา
  • กลิ่นวนิลลา 1/2 ช้อนชา
  • น้ำเชื่อม 1/4 ถ้วย

ขั้นตอนทำ:

  1. นำนมข้นหวานและนมสดมาผสมในหม้อน้ำอ่อน ๆ ให้เข้ากัน แต่ไม่ต้องเดือด.
  2. ในอีกหม้อ คนไข่แดงและน้ำตาลทรายให้เข้ากัน และนำไปวางบนหม้อน้ำร้อนที่มีนม คนต่อให้ข้นและไข่เริ่มตั้ง.
  3. นำผงอัลมอนด์และกลิ่นวนิลลามาใส่ในผสมนมและคนให้เข้ากัน.
  4. ตักไอศกรีมทองหยิบลงในถ้วยแข็งแรงและเปิดกระปุกด้านล่างของถ้วย เพื่อให้ไอศกรีมความเข้มข้น.
  5. นำไอศกรีมไปแช่ในฟรีเซอร์ปิดประมาณ 6 ชั่วโมง หรือจนเข้าแข็ง.
  6. เมื่อไอศกรีมเข้าแข็งแล้ว ให้เสิร์ฟในถ้วยหรือกระทะพร้อมใส่น้ำเชื่อม.
  7. ขอให้คุณเพลิดเพลินกับรสชาติของไอศกรีมทองหยิบที่หวานหอม และความหนืดที่หากินได้ที่บ้าน!

ขนมต้ม

20 เมนูขนมหวาน ของหวานน่ากิน พร้อมสูตรทำขายก็ได้ ทำกินเองก็ดี

ขนมต้ม เป็นขนมไทยแบบดั้งเดิมที่มีลักษณะเป็นแท่งและมักมีรสหวานจากน้ำตาลทราย นี่คือวิธีทำขนมต้ม:

ส่วนประกอบหลัก:

  • แป้งข้าวเจ้า 200 กรัม
  • น้ำตาลทราย 100 กรัม
  • น้ำมะพร้าว 1/2 ถ้วย
  • น้ำมันถั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือ 1/4 ช้อนชา
  • ใบบัวบกสด หรือใบลำใยสด สำหรับห่อขนม
See also  ห่อหมกหน่อไม้: การเตรียมอาหารอร่อยและเพิ่มสุขภาพ

ขั้นตอนทำ:

  1. ในหม้อน้ำอ่อน ๆ ผสมน้ำมะพร้าว, น้ำมันถั่ว, น้ำตาลทราย, เกลือ และแป้งข้าวเจ้า คนให้เข้ากันจนเข้าสู่กันและเป็นเนื้อเนียน.
  2. นำเนื้อแป้งไปหมักให้เย็นลง ประมาณ 15-20 นาที.
  3. นำเนื้อแป้งมาแบ่งเป็นชิ้นเล็ก ๆ และห่อด้วยใบบัวบกสดหรือใบลำใย.
  4. ตั้งหม้อน้ำให้เดือด และนำขนมต้มไปนึ่งในน้ำร้อน ประมาณ 10-15 นาที หรือจนขนมลอยขึ้น.
  5. นำขนมต้มออกและรับประทานในทันที โดยให้ระวังอย่าลวกนานเกินไปเพราะอาจทำให้ขนมต้มเปื่อย.

ขนมต้มเป็นขนมไทยแบบดั้งเดิมที่มีรสชาติหวานนิด ๆ และละมุนละไม เป็นเครื่องดื่มเสริมที่นิยมในสมัยก่อนและยังคงมีความนิยมจนถึงปัจจุบัน!

ทับทิมกรอบ

ทับทิมกรอบ เป็นของหวานแบบโปรดในเวลาหน้าร้อนในประเทศไทย นี่คือวิธีทำทับทิมกรอบ:

ส่วนประกอบหลัก:

  • ทับทิมสุก 500 กรัม
  • น้ำตาลทราย 200 กรัม
  • น้ำมะพร้าว 1 ถ้วย
  • ผงเจียว 1/2 ช้อนชา
  • ผงละมุน 1/2 ช้อนชา
  • ผงกะทิ 1 ช้อนโต๊ะ
  • ผงวุ้นเส้น (ถ้ามี) 1/2 ช้อนชา
  • ผงกุ้ง (ถ้ามี) 1/2 ช้อนชา
  • ผงน้ำเปล่า 1/2 ช้อนชา
  • น้ำสีผสมอาหารตามชอบ (ถ้ามี)

ขั้นตอนทำ:

  1. ล้างทับทิมและหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ หรือตามความชอบ.
  2. นำทับทิมมาแช่ในน้ำตาลทรายในชาม และคนให้เข้ากัน นำไปอบในเตาอบต่ำ ๆ หรือใช้ไมโครเวฟอบประมาณ 30 นาที หรือจนทับทิมเริ่มมีสีเหลืองทอง.
  3. นำทับทิมออกมาแช่ในน้ำเย็น และสะเด็ดน้ำตาลออก.
  4. ในหม้อน้ำอ่อน ๆ ผสมน้ำมะพร้าว, ผงเจียว, ผงละมุน, ผงกะทิ, ผงวุ้นเส้น (ถ้ามี), ผงกุ้ง (ถ้ามี), และผงน้ำเปล่า คนให้เข้ากันจนเข้าสู่กันและเป็นเนื้อเนียน.
  5. ตั้งหม้อน้ำให้เดือด และนำผสมนมมะพร้าวไปนึ่งในน้ำร้อน คนต่อให้เข้ากันอีกครั้ง.
  6. ลดไฟและนำทับทิมที่อบให้แช่ในนมมะพร้าว คอยคนเรื่อย ๆ จนทับทิมเข้าสี.
  7. นำทับทิมกรอบออกมาพักแช่ในน้ำเย็นจนสุกสมบูรณ์.
  8. เสิร์ฟทับทิมกรอบในถ้วยหรือจานพร้อมเสิร์ฟ และคุณจะได้ของหวานที่กรอบนอกนุ่มใน สดใส!
See also  ขนมมันสำปะหลัง: ความอร่อยและประวัติความเป็นมา

บัวลอย

20 เมนูขนมหวาน ของหวานน่ากิน พร้อมสูตรทำขายก็ได้ ทำกินเองก็ดี

บัวลอย เป็นของหวานที่นิยมมากในอาหารไทย นี่คือวิธีทำบัวลอย:

ส่วนประกอบหลัก:

สำหรับบัวลอย:

  • แป้งข้าวเจ้า 100 กรัม
  • แป้งมัน 50 กรัม
  • น้ำตาลทราย 50 กรัม
  • น้ำมันถั่วเขียว 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลปี๊บ 100 กรัม
  • น้ำมะพร้าว 1/2 ถ้วย
  • น้ำใบเตย 1/2 ถ้วย
  • สีผสมอาหารตามชอบ (ถ้ามี)

สำหรับน้ำกะทิ:

  • น้ำมะพร้าว 2 ถ้วย
  • น้ำตาลทราย 100 กรัม
  • เกลือ 1/4 ช้อนชา

ขั้นตอนทำ:

  1. ผสมแป้งข้าวเจ้า, แป้งมัน, น้ำตาลทราย, น้ำมันถั่วเขียว, น้ำมะพร้าว, และน้ำใบเตยให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเนียน และประมาณไว้เป็นรูปก้อน.
  2. หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ และเอามาปั้นเป็นลูกกลมขนาดเล็ก.
  3. นำลูกกลมมาลวกในน้ำเดือดจนลอยขึ้นผิวและน้ำเริ่มเป็นเนื้อเนียน.
  4. นำลูกกลมออกมาและพักไว้.
  5. สำหรับน้ำกะทิ ในหม้อน้ำอ่อน ๆ ผสมน้ำมะพร้าว, น้ำตาลทราย, และเกลือ คนให้น้ำตาลละลาย.
  6. ใส่บัวลอยลงในน้ำกะทิ คอยคนเรื่อย ๆ จนบัวลอยเริ่มสวยงาม และน้ำกะทิเริ่มข้น.
  7. เสิร์ฟบัวลอยในถ้วยหรือจานพร้อมเสิร์ฟ และคุณจะได้ของหวานนุ่มละมุนที่อร่อยมาก!

สรุป

ในบทความนี้เราได้รู้จักกับสองเมนูของหวานและของที่น่าสนใจในอาหารไทย นั่นคือ “ทับทิมกรอบ” และ “บัวลอย” ซึ่งเป็นของหวานแบบดั้งเดิมที่นิยมในวงกว้างทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ.

ทับทิมกรอบ เป็นของหวานที่มีรสชาติหวานและกรอบนอกนุ่มใน มีขั้นตอนการทำที่ค่อนข้างซับซ้อน แต่ความอร่อยคือคำตอบที่คุณจะได้รับในท้ายที่. กับรสชาติของทับทิมสุกที่อบเบาะแบบจีบหายไปพร้อมน้ำตาลทรายที่หอมหวาน, ทับทิมกรอบจะเป็นเครื่องดื่มที่เหมาะสำหรับเวลาร้อน.

บัวลอย เป็นของหวานแบบขนมเนื้อนุ่มนมมะพร้าวที่วิธีการทำมีความแตกต่างจากทับทิมกรอบ มีการผสมแป้งข้าวเจ้าและแป้งมันร่วมกันเป็นอันดับแรก และนำไปปั้นเป็นลูกกลมหลังจากนั้นลวกในน้ำเดือดและเสิร์ฟในน้ำกะทิที่หวานนิด ๆ และหอมหวาน.

FAQ

1. ทับทิมกรอบสามารถเก็บไว้นานเท่าไร?

  • ทับทิมกรอบสามารถเก็บไว้ในภาชนะที่ปิดสนิทได้ประมาณ 2-3 สัปดาห์ หากเก็บในตู้เย็นอาจยาวนานกว่านี้.

2. มีวิธีการทำทับทิมกรอบให้น้ำและกรอบมากขึ้นไหม?

  • ใช้น้ำตาลทรายน้อยลงในขั้นตอนการอบทับทิมและให้น้ำตาลละลายให้ดีกับทับทิมก่อนการอบ อาจลองปรับปริมาณน้ำตาลตามความชอบส่วนตัว.

3. บัวลอยสามารถเก็บไว้นานเท่าไร?

  • บัวลอยสามารถเก็บไว้ในน้ำกะทิที่หมักในตู้เย็นได้ประมาณ 2-3 วัน หากเก็บนานขึ้น บัวลอยจะมีโอกาสเริ่มแข็ง.

4. สามารถเปลี่ยนแปลงรสชาติของบัวลอยได้ไหม?

  • สามารถเปลี่ยนแปลงรสชาติของบัวลอยได้โดยการปรับปริมาณน้ำตาลในน้ำกะทิ หากต้องการหวานมากขึ้นให้เพิ่มน้ำตาล และหากต้องการน้อยลงให้ลดน้ำตาล.

5. บัวลอยสามารถรับประทานร้อนหรือเย็นได้หรือไม่?

  • บัวลอยสามารถรับประทานทั้งร้อนและเย็นได้ตามความชอบส่วนตัว แต่มักถูกเสิร์ฟเย็นเพื่อรสชาติที่สดชื่น.